รีวิว The Hunger Games 2 Catching Fire เกมล่าเกม 2 แคชชิ่งไฟเออร์

รีวิว The Hunger Games 2 ภาคต่อที่หลาย ๆ คนต่างเฝ้ารอ หลังจากที่แคตนิส ชนะการแข่งขันใน เกมล่าชีวิตครั้งที่ 74 แต่เหมือนการแข่งขันจะไม่จบ อย่างง่ายดายแน่นอน

ในภาคแรก ทั้งท้ายไว้จากการแข่งขัน เกมล่าชีวิตครั้งที่ 74 จบลงพร้อมผู้ชนะ 2 คน จากเขต 12 ซึ่งก็คือ แคตนิส และพีต้า ซึ่งถือเป็นการพลิกหน้าประวัติศาสตร์ของเกม อย่างไม่เคยมีมาก่อน เพราะกฎของเกมบอกเอาไว้ว่า ต้องมีชนะเพียงคนเดียว

สิ่งที่เกิดขึ้น สร้างความไม่พอใจให้กับ ประธานาธิบดีสโนว์ เป็นอย่างมาก และนั้นก็ยังเป็นจุดเริ่มต้นของความหวัง ให้กับทั้ง 12 เขต เพื่อหวังให้มีการหลุดพ้นจากระบอบเผด็จการนี้ ซึ่งเป็นชนวนนำไปสู่การก่อจราจล ผลจากความวุ่นวายนี้ ทำให้สโนว์ สั่งฆ่า ผู้คุมเกม ในการแข่งขัน เกมล่าชีวิตครั้งที่ 74 เพราะทำหน้าที่ไม่สมบูรณ์

ในภาค 2 เริ่มต้นเมื่อ แคตนิส และพีต้า เดินทางกลับไปสู่เขต 12 ในฐานะผู้ชนะ เกมล่าชีวิตครั้งที่ 74 แต่พวกเขาก็ไม่ได้มีชีวิตที่สุขสบาย เหมือนที่แคปปิตอล ได้ปลิ้นปล้อนไว้ และยังต้องตระเวนทัวร์ไปทุกเขต และแสดงเป็นคู่รักหลอกๆ ให้ทุกคนเชื่อ

อีกทั้ง ประธานาธิบดีสโนว์ กลับรู้สึกเหมือนกำลังถูกท้าทายอำนาจ จึงตัดสินใจจัดเกมล่าชีวิตครั้งที่ 75 พร้อมผู้คุมเกมคนใหม่ ที่ได้คิดค้นอุปสรรค์สารพัด และการทรมานผู้เข้าแข่งขัน เพื่อตอบสนองความต้องการของสโนว์

ในเกมล่าชีวิตครั้งที่ 75 มีเงื่อนไขใหม่ คือการนำอดีตผู้ชนะจากการแข่งขันครั้งที่ผ่าน ๆ มาต่อสู้กัน ซึ่งก็รวมถึง 2 ตัวแทนคนสำคัญสุดโหด ฟินนิก โอแดร์ (Sam Claflin) และ โจแฮนน่า เมสัน (Jena Malone) ซึ่งการแข่งขันครั้งนี้เอง ได้กลายเป็นฉนวนครั้งสำคัญ ที่จะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างไปตลอดกาล

สโนว์เฝ้ามองแคตนิส ในฐานะตัวอันตราย และรอวันที่จะกำจัดเธออยู่ อีกทั้ง เกมล่าชีวิตก็ทวีความโหดกว่าเดิม ด้วยการทุ่มเททุนสร้างกว่าครั้งไหน ๆ แคปปิตอลประกาศการเริ่มต้นเกมครั้งใหม่

รีวิว The Hunger Games 2

รีวิว The Hunger Games 2

เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ ในบทบาทของ แคตนิส เธอยังคงแสดงได้อย่างดีเยี่ยม สำหรับผู้ที่ติดตามตัวละครนี้ มาตั้งแต่แรก ๆ ก็จะรู้ถึงภูมิหลังเป็นอย่างดี ต่างก็คอยเอาใจช่วยเธอ ให้ผ่านเกมอันเลวร้ายนี้ เจนนิเฟอร์ น่าจะก้าวขึ้นเป็น ดารารุ่นใหม่ ที่ขึ้นหิ้งได้แน่นอน ในอนาคตอันใกล้นี้

แม้ตัวภาพยนตร์ จะไม่ค่อยให้บทกับ เลียม เฮมส์เวิร์ท ในบท เกล ฮอว์ธอร์น มากสักเท่าไหร่ แต่ก็ยังพอถือได้ว่า เขาเองก็มีส่วนสำคัญกับเรื่องนี้พอสมควร และแน่นอนว่า จอช ฮัทเชอร์สัน ในบท พีต้า มัลลาร์ค ได้บทเด่นไปตามเคย

ในภาค 2 นี้ Lionsgate เลือกเปลี่ยนผู้กำกับ เป็น ฟรานซิส ลอว์เรนซ์ ซึ่งเขาก็สามารถทำให้ The Hunger Games Catching Fire กลายมาเป็นภาคที่มาเต็มมากขึ้น ทั้งในมุมดราม่า และแอ็คชั่นอลังการ เขายังจะได้กำกับภาค 3 ต่ออีกด้วย

The Hunger Games 2 Catching Fire มีความยาว 146 นาที ใครดูแล้วพบว่า ภาพยนตร์ค่อยข้างนาน ก็คงจะไม่แปลกใจ แต่ถึงยังไงก็อาจจะพบว่า ภาพยนตร์ไม่ได้ยาวเกินไป เพราะภาคนี้มันทำออกมาส่งเสริมช็อตดราม่าที่พาอินมากขึ้น กับฉากในเกมไล่ล่า ที่เข้มข้นขึ้น มีเรื่องราวให้เราได้ชวนอึ้งขึ้น ในฐานะของคนที่ไม่ได้อ่านหนังสือมาก่อน เรียกได้ว่า เต็มอิ่มมาก ๆ หนังจบ แต่อารมณ์ก็ยังคงอยู่ต่อ

นอกจาก อินเนอร์ของเหล่านักแสดงหลักแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องชื่นชมมาก ๆ แน่นอนว่าถ้าหาดใครได้เคยอ่านนวนิยายมากแล้วบ้าง ก็ต้องรู้ดีว่าภาคนี้ เมื่อเข้าสู่ลานประลอง คนกับคนไม่ใช่ข้อสำคัญเลย แต่เป็นเรื่องของคนกับอุปสรรค์ที่จะเจอซะมากกว่า

หลายฉากที่เคยอ่านเจอในนวนิยาย ทางทีมงานก็สามารถทำมันออกมาได้เหนือความคาดหมาย เหนือจินตนาการ จึงทำให้ช่วงกลางของเรื่อง จึงลุ้นระทึก และตื่นเต้น ไปกับฉากต่าง ๆ ภายในการแข่งขัน เกมล่าชีวิต แน่นอน

ในเรื่องของเสียงประกอบภาพยนตร์ ก็ยังคงทำออกมาได้ดีเหมือนเดิม อย่างที่เราได้เห็นในภาคแรก ภาพยนตร์ได้ดึงคนดูให้มีอิน อารมณ์ร่วมไปกับการดำเนินเรื่องได้อย่างง่ายดาย แบบไม่ต้องสงสัย

เป็นภาพยนตร์สำหรับคนที่ชอบความตื่นเต้น หนังพาไปดูคนที่ต้องเอาชีวิตรอด จากากรถูกล่าอย่างมีนัยยะ ทั้งแรงกดดัน ทั้งอุปสรรค ทั้งความต้องการเอาชนะ ทำให้ภาพยนตรืดูมีเสน่ห์ และพาคนดูให้อินตามไปอย่างง่าย รวมถึงระบบเสียง ดนตรีประกอบ ครบไร้ที่ติจริง ๆ

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

The Hunger Games : เกมล่าเกม มีทั้งหมดกี่ภาค ?

รีวิว The Hunger games 1 เกมล่าเกม

รีวิว Extraction คนระห่ำภารกิจเดือด แอ็กชั่นมันส์เลือดสาด

รีวิว wonka ที่จะพาคุณไปพบกับความมหัศจรรย์ของ วอลลี่ วองก้า

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Proudly powered by WordPress | Theme: Lean Blog by Crimson Themes.