รีวิว Extraction 2 ภาคต่อหนังแอ็กชั่นสุดมันส์ ในภาคนี้ ยังคงเป็นทีมงานเดิม ผู้กำกับ แซม ฮาร์เกรฟ (Sam Hargrave) และเขียนบทโดยพี่น้อง Russo
โดยในภาคนี้ ได้ดัดแปลงจาก กราฟิกโนเวล Ciudad ที่มีฉากหลัง ในเมือง Ciudad del Este เมืองเสื่อมทรามทางศีลธรรม โดยได้หยิบพลอต มาใช้แบบหลวม ๆ
จากซิวดัด เมืองอันตราย มาเป็นประเทศบังกลาเทศ ที่ออกโทนร้อน และมาสู่อดีตโซเวียต อย่างสาธารณรัฐจอร์เจีย ที่ออกโทนเย็น เหน็บหนาว ตัดกันอย่างสิ้นเชิง
แต่ก็ยังคงยึดเส้นเรื่องง่าย ๆ ของการช่วยเหลือคนที่อ่อนแอกว่า อย่างเด็ก และผู้หญิง ที่ต้องหลบหนี กลางดงศัตรูที่อยู่ทั่วทิศ เปิดทางให้ใส่ฉากแอ็กชั่นสุดระห่ำ ตระการตาได้เป็นอย่างดี
เรื่องย่อหนัง Extraction 2
ในภาคนี้ ก็ยังคงเป็นการติดตาม เรื่องราวของ ไทเลอร์ ( รับบทโดย Chris Hemsworth ) ทหารรับจ้าง ที่ภารกิจครั้งก่อนของเขา เกือบเอาชีวิตไม่รอด ร่างที่ร่วงลงแม่น้ำ และบังเอิญมีคนสามารถช่วยเอาไว้ได้
เขาใช้เวลาพักฟื้นกว่า 9 เดือน ถึงเวลาที่เขาจะได้กลับมาทำภารกิจอีกครั้ง โดยครั้งนี้ คนที่ต้องการให้เขาช่วยคือ มีอา ภรรยาเก่าของเขา
ภารกิจครั้งนี้ เขาต้องบุกไปช่วยเหลือ น้องสาวของภรรยาเก่า และลูก ๆ ของน้องสาวภรรยาเก่า ที่ถูกสามีจับไว้ให้อยู่ในคุก ในจอร์เจีย
งานนี้ ก็เหมือนกับที่ผ่านมา เขาต้องฝ่าด่านคนคุกทั้งหลาย ที่เกลียดเขาเข้าไส้ ความยากยังไม่พอ เขายังต้องมาคอยคุ้มกันทั้ง 3 ชีวิต ให้รอดพ้นจากเหล่าคนคุก และเงื้อมมือของเหล่าแก๊งนากาซีด้วย
แต่ก็ยังดี ที่เขามีทีมคอยช่วยเหลือ ที่นำโดย นิก ข่าน ( รับบทโดย Golshifteh Farahani ) และแยซ ( รับบทโดย Adam Bessa ) น้องชายของเธอ
รีวิว Extraction 2
สำหรับในภาคนี้ เรียกได้ว่าคุ้มค่ากับการรอคอยจริง ๆ แอ็กชั่นจัดเต็มสูบ จัดหนักจัดเต็ม มากกว่าเดิม ทั้งฉากแอ็กชั่น งานโปรดักชั่น
ส่วนเนื้อเรื่อง ยังเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ง่าย มีการขยายเพิ่มความเป็นมนุษย์ เพิ่มปูมหลังชีวิตครอบครัวของ ไทเลอร์ และบาดแผลในใจ ที่ภาคแรกไม่ได้บอกเอาไว้ ว่าเกิดอะไรขึ้น
และขยายเรื่องราว ด้วยองค์กรใหม่ ๆ เรียกได้ว่า เป็นภาคต่อที่ทำหน้าที่ เป็นสะพานได้ค่อนข้างดี แต่ก็ต้องยอมรับ เพราะหนังต้องการที่จะขายแอ็กชั่นนันสต็อป ที่พอมีจังหวะพักหายใจ ด้วยเรื่องดราม่าเชย ๆ มันเลยค่อนข้างดูขืนจังหวะอยู่นิดนึง
นอกจากนี้ ความทะเยอทะยาน ในการออกแบบฉากแอ็กชั่นลองเทค เมื่อพิจารณาว่าเป็นลองเทค ที่ซ่อนการตัดต่อ เชื่อมไว้ผสมเทคเข้าด้วยกันหลายช่วง
เราจึงสัมผัสได้ ตั้งแต่ช่วงที่มีความดิบของ แฮนด์เฮลด์รุนแรงจนดูไม่เคลียร์ มาเป็นลองเทคงาม ๆ ที่โชว์คิวแอ็กชั่นเทพ ไปจนถึงฉากที่เห็น CG ลอยหลอกตาชัดเจน หรือฉากที่ต้องยอมปล่อยให้โม้จนตลก แบบโดนปืนกลยิงถล่ม แต่ยืนหลบหลังบันไดลิง แล้วไม่ถูกกระสุน
ซึ่งยิ่งพอเทียบกับ หนัง netflix ที่โชว์ลองเทค ในฉากจลาจลกลางเมืองแบบสมจริงอย่าง Athena ก็ทำให้คิดว่า บางทีลดเวลาของลองเทคลง แล้วตัดต่อแบบปกติ อาจจะได้ซีนแอ็กชันที่ดีกว่านี้ก็ได้
และอีกนึงจุดด้อย ของภาคนี้ คงจะเป้นที่ความสมเหตุสมผล ที่ในช่วงหลังไม่มีเลย อย่างที่ตัวร้าย ยกทีมบีนมาจากจอร์เจีย ผ่านเข้าออสเตรเลียได้ง่าย ๆ
พร้อมขนอาวุธสงครามเต็มมือ เต็มรถ มีทั้งเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธ ที่บินมาบิงถล่มโรงแรงกลางเมือง โดยที่แทบจะไม่มีคนอยู่ในโรงแรมนั้น อย่างกับโรงแรมร้าง
และตำรวจออสเตรเลีย ที่โผล่มาแบบผ่าน ๆ ไม่มีประโยชน์กับเรื่อง และยังมีฉากตัวร้าย ที่ไปตั้งแคมป์จอดเครื่องบิน ทิ้งไว้ได้อย่างเปิดเผยอีก ทั้ง ๆ ที่ถูกตามล่า ทั่วประเทศขนาดนั้น ในจุดพวกนี้ ทำให้ตัวหนัง ขากความสมเหตุสมผล จนไม่น่าเชื่อ เอาดูแค่พอมันส์ ก็พอ
ในด้านมุมมองของภาพ ให้อารมณ์เหมือนเรากำลังเล่นเกม แอ็กชั่นเกมหนึ่ง ที่ต้องฝ่าด่านผู้ร้าย อะไรแบบนั้นเลย ฉากลองเทค 20 กว่านาทีนั้น น่าจะทำให้คอหนังแอ็กชั่น ได้อึ้ง และสนุกสุดเหวี่ยง
เช่นเดียวกับ ฉากการต่อสู้บนรถไฟ ท่ีกำลังวิ่งอยู่ ก็น่าจะพอทำให้เราได้ลุ้นระทึก รวมไปถึงฉากเสี่ยงตาย บนตึกระฟ้า ที่อาจจะไม่ค่อยแปลกใหม่ สักเท่าไหร่ รวมถึงบางส่วน ก็ยังดูโอเว่อร์ไปบ้าง แต่โดยรวม เพื่อความมันส์ ก็ดูได้สนุกขึ้น
สำหรับในภาคนี้ โดยรวมก็เป็นหนังที่ดูเพลิน สนุก ระทึกใจ แบบยาว ๆ ตื่นตาได้ยอดเยี่ยม แต่ก็ยังคงเต็มไปด้วย ความธรรมดา หลายอย่าง ที่สอดแทรก มาทำลายภาพรวมของหนัง ให้ไปไม่สุดอย่างที่ควรจะเป็น
แต่ถ้ามองว่า มันเป็นหนังที่ปูพื้น เพื่อสร้างจักรวาลของตัวงเอง ก็ถือว่าทั้งในส่วนบท และการคิดความหมาย ของฉากแอ็กชั่น แต่ละฉากนั้น ทำได้น่าสนใจ และพอเห็ตถึงอนาคตที่สดใส ของจักรวาลหนังเรื่องนี้ อยู่ไม่น้อยเลย
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
– รีวิว Hypnotic จิตบงการปล้น ภาพยนตร์แอ็กชันแนวโจรกรรม
– รีวิว Extraction คนระห่ำภารกิจเดือด แอ็กชั่นมันส์เลือดสาด
– รีวิว Bloodhounds ซีรีย์บู๊สุดดุเดือด เลือดสาดทีเดียว
– รีวิว Queen Maker ฉันจะปั้นราชินี ซีรีย์เกาหลี แนวแก้แค้นสุดดุเดือด