รีวิว Spider-Man: Across the Spider-Verse (สไปเดอร์-แมน: ผงาดข้ามจักรวาลแมงมุม)

รีวิว Spider-Man: Across the Spider-Verse (สไปเดอร์-แมน: ผงาดข้ามจักรวาลแมงมุม) จากผลงาน ฉบับคอมิก ที่เขียนขึ้นโดย แดน สลอตต์ นำมาดัดแปลง เป็นภาพยนตร์อนิเมชั่น กำกับโดย วาคิม ดอส ซังตูช, เคมป์ พาวเวอรส์, จัสติน เค. ทอมป์สัน

ในเรื่องนี้ เป็นเรื่องราว ที่ต่อเนื่อง มาจากภาคแรก ‘Spider-Man: Into the Spider-Verse’ เมื่อวัยรุ่น ผิวสองสีอย่าง ไมลล์ โมราเลส ที่ถูกแมงมุมอาบรังสี กัดเข้า โดยบังเอิญ จนกลายเป็น สไปเดอร์แมน คนใหม่

และยังได้พบว่า คิงพิน มาเฟียตัวร้าย เป็นผู้ที่สร้างเครื่องเร่งอนุภาค สร้างประตูมิติขึ้นมา เพราะหวังว่า จะนำลูกและเมีย จากมิติ กลับมาทดแทน ความสูญเสียของตัวเอง ในมิตินี้ แต่กลับทำให้ เกิดความทับซ้อน กับมิติต่าง ๆ และส่งผลให้ สไปเดอร์แมน จากแต่ละมิติ ได้หลุดเข้ามา ยังโลกนี้

 

เรื่องย่อ Spider-Man: Across the Spider Verse (สไปเดอร์-แมน: ผงาดข้ามจักรวาลแมงมุม)

เป็น 1 ปีหลัง หนุ่มน้อยแห่งบรูคลิน ไมลล์ โมราเลส (พากย์เสียงโดย Shameik Moore) ที่พบว่า ตัวของเขาเอง ถูกตัดขาด จากสหายสไปเดอร์ ที่เคยร่วมต่อสู้กันมา ในภาคแรก

แต่เขาเอง ก็เติบโตขึ้น และมีความสามารถมากขึ้น จนกลายเป็นฮีโร่ วัยไฮสคูล แต่การที่พวกเขา ไม่ได้เจอกัน ก็ทำให้ทั้ง ไมลส์ และ เกวน สเตซี่ (พากย์เสียงโดย Hailee Steinfeld) รู้สึกถึงการขาดหายไป ของกลุ่มคน ที่เข้าใจพวกเขา

ก่อนที่ต่อมา ไมลล์จะพบว่า โลกของเขา กำลังมีวายร้ายตนใหม่ อย่าง เดอะสป็อต (พากย์เสียงโดย Jason Schwartzman) ผู้มีพลังวิเศษ ที่สามารถข้ามมิติ บุกรุกเข้าไป ยังโลกต่าง ๆ ได้ และมันได้ชักนำเขา ให้เข้าไปพัวพัน และพบเจอกับ เหล่าสไปเดอร์แมน จากมิติอื่น ๆ

สไปเดอร์แมน ไฮสคูล ไมลส์ ถูกผลักดัน ให้ต้องพบกับ สไปเดอร์แมน จากมิติอื่น รวมทั้งได้รู้จัก กับสไปเดอร์ทีม แต่ก็ต้องเผชิญ กับความขัดแย้ง ที่เกิดขึ้น เพราะความคิดเห็น ที่แตกต่างกัน ของสไปดี้แต่ละคน และยังต้องต่อสู้ เพื่อเจตนารมย์ ที่แท้จริง ของซุปเปอร์ฮีโร่

 

รีวิว Spider-Man: Across the Spider-Verse

 

รีวิว Spider-Man: Across the Spider-Verse

เริ่มด้วยที่บท ตัวหนังใช้เวลา ในช่วงแรกนาน ไปหน่อย กับการเล่าเรื่อง ของตัวละครหลัก ไมลล์ โมราเลส เด็กหนุ่มวัย 15 ปี ที่ต้องแบกรับหลายสิ่งอย่าง ทั้งชีวิตการเรียน ชีวิตในฐานะซุปเปอร์ฮีโร่ ซีวิตในฐานะลูก ที่พ่อแม่ ค่อนข้างคาดหวังไว้สูง ไปจนถึงชีวิตวัยรุ่น ที่ส่วนใหญ่ จะคาดหวังไว้สูง ไปจนถึง ชีวิตวันรุ่นที่ส่วนใหญ่ จะโฟกัสไปที่ความรัก และมิตรภาพ

ตัวหนัง ให้เวลากับส่วนนี้ ค่อนข้างมาก ซึ่งมันก็ได้ผล เพราะมันทำให้เรา ยิ่งหลงรัก ตัวละครนี้ มากยิ่งขึ้น แต่สิ่งที่พิเศษ คือเขาสามารถ ส่งต่อพาร์ทดราม่านี้ ให้มีพลังมากยิ่งขึ้น ด้วยการผูกมันไว้ กับเรื่องราว มัลติเวิร์ส

เพราะเมื่อเราไปเจอ กับสไปดี้ เวอร์ชั่นอื่น ๆ เราจะเห็นได้ว่า สไปดี้ทุกจักรวาล มักต้องพบเจอ กับเรื่องแย่ ๆ ที่อยากจะผ่านพ้นเสมอ ตรงกับถ้อยคำในตำนานที่ว่า พลังที่ยิ่งใหญ่ ย่อมมาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง

ตัวหนัง ได้ทำให้วลีนี้ มีพลังมากขึ้น เพราะเขาสร้างให้ ไมลส์ เป็นสไปเดอร์แมน ที่ไม่เหมือนใคร และยิ่งใหญ่กว่า ทุกเวอร์ชั่น ที่ผ่าน เมื่อเขาเลือกที่จะ ฝืนชะตา และกำหนดเส้นทางทั้งหมด ด้วยตัวของตัวเอง

และได้มีการเล่าถึง ตัวละครใหม่อย่าง เดอะสป็อต ที่เริ่มต้น ก็ใช้พลังอย่างซุ่มซ่าม ก่อนที่จะ มีการเปิดให้คนดู ได้รู้ว่า เดอะสป็อต มีที่มาจากผลพวง ของภาคแรกอย่างไร ก่อนท่ีมีการพัฒนาตัวเอง ให้ลงมือแก้แค้น ตามปมของเรื่อง ที่สร้างเอาไว้

ตัวละครใหม่ ที่สำคัญอีกคน มิเกล โอฮารา (พากย์เสียงโดย Oscar Isaac) สไปดี้แห่งโลกอนาคต ผู้ก่อตั้ง สไปเดอร์-โซไซตี้ ที่ร่วมทีมสไปดี้ ในทุกจักรวาล

ภาพ กราฟฟิกจัดเต็ม

โผล่มาก็เล่นงานผู้ชมอย่างเราๆ ในทันที ด้วยงานภาพ ที่ทำให้มองเห็นความกล้าเล่นของทีมงาน งานแนวอาร์ต ที่สาดใส่ลงไป ในแอนิเมชันหนังใหญ่ แถมเพิ่มไอเดียของ ใส่เทคนิคงานภาพ ที่แตกต่างกันไป ในแต่ละมิติ

ซึ่งคงต้องบอกว่า ในช่วงการพูดคุยปกติ ของเหล่าตัวละคร มันเป็นช่วงเวลา ท่ีเต็มไปด้วย สีสันบนจอ แต่พอถึงฉากต่อสู้ ความวูบวาบ ภาพที่เคลื่อนไหว มีความไว บวกกับแสงกระพริบ ภาพที่เหมือนจะทำให้ เฟรมเรทต่ำ และยิ่งที่มีซับอยู่ด้านล่าง ก็ต้องเลื่อนสายตาไปอ่าน

กลมกล่อม และลงตัว 

ไม่ใช่แค่งานภาพ ที่ท้าทาย และพยายามจะฉีกตัวหนัง ออกไปสู่ความอินดี้ โดยหนังภาคนี้ ยังได้เล่าไปถึง ปัญญาครอบครัว เรื่องราวความสัมพันธ์ ระหว่าง พ่อ-แม่-ลูก การเติบโต การค้นพบตัวเอง

ซึ่งโดยรวม ทำออกมา เป็นหนังที่กินใจ มีความเป็นมนุษย์ และยังบอกด้วยว่า เราทุกคน สามารถขีดเขียน เรื่องราวต่าง ๆ ได้ด้วยตัวเอง ผู้ชมหลายคน ต่างก็ชื่นชม ว่าหนังมันไปได้สุดกว่าภาคแรกจริง ๆ แต่สิ่งที่จะละเลยไม่ได้เลย ก็คงจะเป็น เพลง และดนตรีประกอบ ที่ใส่เข้ามา ได้อย่างลงตัว

อีกสิ่งที่ทำให้ตัวหนัง มันสนุกมาก ๆ ก็คงจะเป็น ความเป็นมัลติเวิร์ส เพราะมันทำให้ ตัวหนังมีอิสระมาก ว่าจะไปจบที่ตรงไหน ทุกอย่างมีความเกินคาด  ตัวหนังมีการเล่าที่ละเอียด และเข้าใจได้ แบบไม่มีปัญหาคาใจ ไม่ต้องกังวล ว่ามีหลายจักรวาล แล้วจะดูไม่เข้าใจเลย

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

รีวิว Fast X เร็ว…แรงทะลุนรก 10 จะมันส์สะใจหรือไม่

รีวิว Queen Maker ฉันจะปั้นราชินี ซีรีย์เกาหลี แนวแก้แค้นสุดดุเดือด

รีวิว หุ่นพยนต์ ปลุกพยนต์ สยอง สนองใจ

รีวิว Beef คนหัวร้อน การแก้แค้นที่แสนมันส์ สะใจ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Proudly powered by WordPress | Theme: Lean Blog by Crimson Themes.